โซล่ารูฟท็อป แผงโซล่าเซลล์
โซล่ารูฟท็อป แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (EVE Solar PV Module) ซึ่งเป็นแผงโซล่าเซลล์คุณภาพสูง เทียบเท่ากับแผงโซล่าเซลล์ระดับโลก ทำจากวัสดุเกรดเอ ผลิตต้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย คุณภาพคงทน ยาวนาน มีคุณสมบัติในการจ่ายพลังงานได้อย่างต่อนื่อง แม้ในสภาวะที่มีแสงแดดน้อย กรอบแผงอลูมิเนียมอะโนไดซ์ มีความแข็งแรงคงทนทุกสภาพอากาศ ใช้กระจกเทมเปอร์ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ ช่วยให้แสงผ่านถึงชั้นเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมเคลือบด้วยสารกันการสะท้อนแสงอีกด้วย ซึ่งแผงโซล่าเซลล์ที่นิยม มีอยู่ 2 ชนิดที่เป็นที่นิยมดังนี้ 1. Poly-crystalline เป็นแผงที่ผลิตจากผลึก silicon มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15-18% โดยแผงขนาด 72 เซลล์ จะผลิตไฟฟ้าได้ 330 วัตต์ 2. Mono-crystalline ทำมาจากซิลิคอนที่มีความบริสุทธิ์สูง มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 18-21% โดยแผงขนาด 72 เซลล์ จะผลิตไฟฟ้าได้ 380 วัตต์ จะเห็นได้ว่าชนิด Mono-crystalline จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าชนิด Poly-crystalline แต่ก็ต้องแลกมากับราคาที่สูงกว่า
- รับประกันประสิทธิภาพของแผง 25ปี ในด้านประสิทธิภาพมากกว่า 80% (Power output of module >=80%)
- รับประกันความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานปกติ เช่น ผุ กร่อนหลุดร่อน ยาวนาน 12 ปี
อินเวอร์เตอร์อีฟ (EVE Solar Inverter) เครื่องแปลงไฟฟ้า ใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ภายในคุณภาพสูง โครงสร้างภายนอกผลิตจากอลูมิเนียมฉีดขึ้นรูปอย่างหนา ช่วยระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีรองรับการติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอกอาคารด้วยมาตรฐานกันฝุ่นกันน้ำ IP65 ให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดตลอดอายุการใช้งาน 10 ปิ มาพร้อมกับระบบ Zero Export หรือ ชุดกันไฟไหลย้อนกลับ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน กฟน. และ กฟภ. สามารถตรวจดูสถานะการทำงานของระบบผ่านจอ LCD เช่น ค่าการผลิตกระแสไฟฟ้าแบบ Real Time และแจ้งเตือนเมื่อระบบเกิดการขัดข้อง
- รับประกันอินเวอร์เตอร์ 5 ปี (10 ปี optional)
ก่อนการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์นั้น จะมีการคำนวนผ่านโปรเกรม PVSYST เป็นโปรแกรมจากสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งสามารถคำนวนทิศทางการวางและมุมรับแสงของแผงโซล่าร์, พิกัดของสถานที่ติดตั้ง, ปริมาณแสงอาทิตย์ที่ส่องมาให้บริเวณที่ติดตั้ง นอกจากนี้ยังสามารถคำนวณปริมาณการผลิตไฟฟ้าล่วงหน้าได้ถึง 25 ปี
EVE SOLAR APPLICATION ตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบโซลาร์รูฟท็อป ทั้งภาพรวมของระบบ แยกไปจนถึงแผง และ อินเวอร์เตอร์ หากตรวจพบข้อผิดพลาดของระบบผลิตพลังงานไฟฟ้า ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังแสดงผลการผลิตไฟฟ้า ในระดับ รายวัน รายเดือนและรายปีได้อีกด้วย
ลักษณะสถานที่การใช้งานของ แผงโซล่าเซลล์ รูฟท็อป (Solar Panel Rooftop)
– ใช้ติดตั้ง สำหรับกระเบื้อง CPAC
– ใช้ติดตั้ง สำหรับกระเบื้องลอนคู่
– ใช้ติดตั้ง สำหรับเมทัลชีทแบบเจาะ
– ใช้ติดตั้ง สำหรับดาดฟ้าคอนกรีต
ทำไมถึงต้องซื้อหรือติดตั้งโซล่ารูฟท็อปกับบริษัทที่น่าเชื่อถือ?
เพราะโซล่ารูฟท็อปเป็นสินค้าที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างยาว ดังนั้นบริการหลังการขายจึงถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะหากลูกค้ามีปัญหาเทคนิคจากการใช้งานทางบริษัทมีวิศวกรไฟฟ้าที่มีความชำนาญในการให้คำแนะนำและบริการหลังการขาย ทางบริษัท ริชเชส ซัพพลาย จำกัด เลือกที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ กับทางบริษัท อีฟ เพราะเรามั่นใจว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างหลากหลาย สินค้ามีการรับประกันที่ชัดเจนโดยเฉพาะตัวแพงโซล่าเซลล์มีการรับประกัน 7 ปี และรับประกันคุณภาพ 25 ปีความแตกต่างของ Solar Rooftop ทั้ง 3 แบบ
Solar Rooftop ระบบออนกริด(On-grid System) | Solar Rooftop ระบบออฟกริด(Off-grid System) | Solar Rooftop ระบบไฮบริด(Hybrid System) | |
หลักการทำงาน | แผงโซลาร์เซลล์จะรับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แล้วส่งผ่านอินเวอร์เตอร์เพื่อแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) และจึงส่งไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน *ระบบนี้จะใช้ไฟบ้านร่วมด้วย* | แผงโซลาร์เซลล์จะรับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แล้วส่งผ่านอินเวอร์เตอร์เพื่อทำการชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะเดียวกันระบบจะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) และส่งไปใช้งานยังเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน*ระบบนี้ไม่ต้องพึ่งพาการใช้ไฟบ้าน* | แผงโซลาร์เซลล์จะรับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แล้วส่งผ่านอินเวอร์เตอร์เพื่อทำการชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะเดียวกันระบบจะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) และส่งไปใช้งานยังเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน*โดยระบบนี้จะใช้ไฟบ้านร่วมด้วย* |
เมื่อระบบสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้า | ระบบจะจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน | ระบบจะทำการชาร์จแบตเตอรี่ และในขณะเดียวกันระบบจะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) และส่งไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน | ระบบจะจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ไปใช้งานยังเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน |
เมื่อระบบสามารถผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้า | ระบบจะทำการประมวลผล และสั่งการ ให้จ่ายกระแสไฟบ้านเข้ามาใช้ร่วมกัน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า | ระบบจะทำการประมวลผล และสั่งการให้จ่ายกระแสไฟบ้านเข้ามาใช้ร่วมกัน โดยที่ระบบการชาร์จแบตเตอรีก็ยังทำงานอยู่ (กรณีที่แบตเตอรี่ยังไม่เต็ม) | |
เมื่อใช้งานในช่วงเวลากลางคืน | ระบบจะหยุดการผลิตไฟฟ้า ในช่วงเวลาดังกล่าว และจะปล่อยไฟบ้านเข้ามาเต็มกำลัง | ระบบจะดึงไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) จากแบตเตอรี่มาจ่ายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในบ้าน*กรณีที่แบตเตอรี่หมดในเวลากลางคืนระบบจะไม่สามารถผลิตไฟได้ต่อไป ทำให้ไม่สามารถใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า ต่อไปได้ ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงขนาดอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆ และระยะเวลาที่จะเปิดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆ ด้วย* | ระบบจะดึงไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาจ่ายให้เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ถ้าหากไฟฟ้าที่เก็บไว้ในแบตเตอรีถูกใช้จนหมดระบบก็จะเปลี่ยน กลับไปใช้ไฟบ้านแทน |
ผลงานการติดตั้ง
![]() | ![]() |
---|---|
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
---|---|
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |